หน้าแรก > Highlights > ความมุ่งมั่นและความร่วมมือในระยะยาวคือหนทางสู่ความยั่งยืน
“เราเติบโตก้าวไกลไปด้วยกัน ในฐานะพันธมิตรที่ท่านไว้วางใจและเปี่ยมด้วยนวัตกรรม”.
นี่คือวิสัยทัศน์ที่พนักงานเอจีซี วีนิไทยทุกคนยึดมั่นและยึดโยงกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกความสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้นมิได้ส่งผลดีต่อเพียงเอจีซี วีนิไทยเท่านั้น หากแต่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนหรือสังคมโดยรวมล้วนย่อมได้รับประโยชน์ด้วยกันไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
การดำเนินโครงการเพื่อสังคมถือเป็นพันธกิจหนึ่งที่เอจีซี วีนิไทยได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมให้ดียิ่งขึ้น หนึ่งในหลายโครงการที่วีนิไทยมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งคือการปลูกและฟื้นฟูปะการัง จากข้อมูลของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)* ได้กล่าวว่า ประเทศไทยมีอาณาเขตทางทะเลกว่า 320,000 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณร้อยละ 60 ของอาณาเขตทางบก และมีความยาวของชายฝั่งทะเลกว่า 3,100 กิโลเมตร ครอบคลุม 23 จังหวัด ทำให้ทรัพยากรทางทะเลสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยอย่างมาก คณะอนุกรรมการจัดการองค์ความรู้เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเลทำการศึกษาพบว่าประเทศไทยมีมูลค่าผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเลไม่น้อยกว่า 24 ล้านล้านบาท ด้วยเหตุนี้การมีส่วนร่วมของวีนิไทยในการช่วยทำให้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมีความอุดมสมบูรณ์จึงเป็นการสร้างความยั่งยืนให้แก่สังคมไทยด้วยเช่นกัน เพราะปะการังนั้นไม่เพียงแต่เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำและเป็นที่คุ้มภัยให้สัตว์ทะเลได้หากินเติบใหญ่จนเป็นส่วนสำคัญในห่วงโซ่อาหารเท่านั้น หากยังเป็นแหล่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้แก่คนในท้องถิ่นและประเทศได้อย่างมหาศาลอีกด้วย
* ทีดีอาร์ไอ (อ้างอิงจาก https://tdri.or.th/2020/09/blue-economy-thailand/)
“โครงการขยายพันธุ์ปะการังเขากวางโดยใช้ท่อพีวีซี” ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2546 โดยมูลนิธิกิจกรรมวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์ ในความอุปถัมภ์ของบมจ.วีนิไทย โดยมีท่านอาจารย์ประสาน แสงไพบูลย์ เป็นประธานมูลนิธิฯ ได้เริ่มต้นทดลองปลูกปะการังด้วยท่อพีวีซีจำนวน 10,000 กิ่ง ในท้องทะเลชายฝั่งแสมสารจนสำเร็จในเชิงวิชาการและเป็นที่ยอมรับจากผู้มีส่วนได้เสีย ทำให้แน่ใจว่าวิธีการดังกล่าวสามารถขยายผลต่อไปได้ จึงมีความมุ่งมั่นตั้งเป้าหมายขยายการปลูกปะการังเป็นจำนวน 80,000 กิ่ง ใน 5 พื้นที่ของทะเลอ่าวไทย อันได้แก่ ชายฝั่งแสมสารและเกาะขาม จังหวัดชลบุรี เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง เกาะหวาย จังหวัดตราด และเกาะทะลุ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “วีนิไทยร่วมใจปลูกปะการัง ๘๐,๐๐๐ กิ่งที่เริ่มต้นเพื่อล้นเกล้า” และทรงปลูกปะการังกิ่งแรกพระราชทานให้แก่โครงการฯ
ด้วยภารกิจที่ใหญ่ขึ้นขณะที่ทรัพยากรบุคคลยังมีจำกัด การมีพันธมิตรที่มุ่งมั่นพร้อมสนับสนุนเดินเคียงข้างกันตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ดังเช่น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี กองทัพเรือ และชุมชนท้องถิ่นทั้ง 5 พื้นที่ รวมถึงนักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไปที่มาร่วมกิจกรรมปลูกปะการังกว่า 120,000 คน จึงเป็นพลังสำคัญที่ทำให้โครงการฯ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายอย่างงดงามได้อีกครั้ง
ถึงกระนั้น วีนิไทยและมูลนิธิฯ รวมถึงพันธมิตรยังคงมุ่งมั่นท้าทายเป้าหมายใหม่ที่ใหญ่ยิ่งกว่า โดยจะขยายพื้นที่ฟื้นฟูปะการังให้ครอบคลุมทุกจังหวัดติดทะเล ภายใต้โครงการ “วีนิไทยร่วมใจปลูกปะการัง” ด้วยความมุ่งหมายว่าจะมีส่วนช่วยให้ประเทศมีความยั่งยืนด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ทั้งนี้โครงการฯ ได้มีโอกาสต้อนรับพันธมิตรใหม่ที่จะช่วยส่งเสริมให้การดำเนินงานประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ถึงแม้ในมูลนิธิฯ และโครงการฯ ในระยะต่อไปนั้นจะดำเนินงานภายใต้บมจ. เอจีซี วีนิไทย หากแต่บริษัทฯ ยังคงความมุ่งมั่นในการช่วยพลิกฟื้นคืนความสมบูรณ์ให้แก่ทรัพยากรใต้ท้องทะเล โดยมุ่งความร่วมมือของกลุ่มอนุรักษ์ในชุมชนท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการฯ คือหัวใจสำคัญของการขยายพื้นที่ต่อไป นอกจากกลุ่มอนุรักษ์จะได้รับการถ่ายทอดความรู้ เทคนิค ประสบการณ์และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติให้สำเร็จแล้ว ยังมีภารกิจในการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์นั้นให้แก่กลุ่มอนุรักษ์อื่นๆ ที่สนใจด้วย ทั้งนี้เพื่อให้งานฟื้นฟูปะการังเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน
ถึงแม้การไปถึงเป้าหมายในครั้งนี้จะอีกยาวไกล แต่เอจีซี วีนิไทยและมูลนิธิฯ เชื่อมั่นเหลือเกินว่าความมุ่งมั่นและความร่วมมือระหว่างพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา ภาคเอกชนและภาคประชาชน เพื่อยังประโยชน์แก่สังคมส่วนรวมและประเทศชาติในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างแน่แท้