จิตอาสาชาว เอจีซี วีนิไทย และครอบครัว พร้อมด้วยพันธมิตร CSR ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม จัดกิจกรรม “เอจีซี วีนิไทย รวมพลัง พลิกฟื้น…พื้นที่สีเขียวให้คุ้งบางกะเจ้า” เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้คุ้งบางกะเจ้าอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 สะท้อนถึงความรับผิดชอบของบริษัทฯ ในการช่วยลดคาร์บอน พร้อมชุมชนโดยรอบเก็บเกี่ยวประโยชน์จากพันธุ์ไม้สร้างรายได้ยกคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน


โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายโทโมทากะ โยชิคาวา กรรมการผู้จัดการใหญ่, นายโตะชิโอะ เซะโมะโตะ กรรมการบริหาร สายงานบริหารโรงงานและเทคนิค, นายโนบูโอะ นาคาโอะ กรรมการบริหารสำนักงานกรรมการผู้จัดการใหญ่ และคณะผู้บริหารพร้อมด้วยพนักงานและครอบครัว รวมถึงผู้แทนจากบริษัทพันธมิตร CSR ย่านถนนสุขสวัสดิ์ ได้แก่ บริษัท สายไฟฟ้าไทย-ยาซากิ จำกัด, บริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน), บริษัท สยามเฆมี จำกัด (มหาชน), บริษัท เอจีซี แฟลทกลาส (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) และบริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด รวมจำนวนทั้งสิ้น 200 คน ร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ประจำปี 2568 ภายใต้ชื่องาน “เอจีซี วีนิไทย รวมพลัง พลิกฟื้น…พื้นที่สีเขียวให้คุ้งบางกะเจ้า ปี 3” โดยมีพิธีเปิดงานฯ บริเวณลานจอดรถบ้านมะขาม (ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง) ตำบลบางน้ำผึ้ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ
ก่อนเริ่มภารกิจปลูกป่า อาสาสมัครและครอบครัวได้สนุกสนานกับกิจกรรมการทำสบู่และยาหม่องสมุนไพรจากภูมิปัญญาชาวบ้าน






จากนั้นจึงพร้อมใจกันมุ่งหน้าสู่แปลงปลูกเลขที่ 1915 บนพื้นที่ 2 ไร่ครึ่ง เพื่อร่วมกันปลูกพันธุ์ไม้หลากหลายสายพันธุ์ รวม 700 ต้น อาทิ ต้นประสัก ต้นพิลังกาสา ต้นประดู่ทะเล ต้นมะม่วงป่า ต้นขี้เหล็ก และต้นมะฮอกกานี โดยได้รับการสนับสนุนกล้าพันธุ์ไม้จากศูนย์จัดการพื้นที่สีเขียวเชิงนิเวศนครเขื่อนขันธ์ กรมป่าไม้





กิจกรรมในวันนี้ไม่เพียงแต่เปิดโอกาสให้พนักงานและครอบครัวได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนบางกะเจ้าและสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ หากแต่ยังเป็นโอกาสอันดีที่พนักงานจากต่างสถานที่ได้มีโอกาสร่วมแรงร่วมใจทำกิจกรรมดี ๆ นอกสถานที่ ซึ่งจะช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างกันอันจะช่วยส่งเสริมบรรยากาศการทำงานเป็นทีมเดียวกัน รวมถึงการให้ความสำคัญกับครอบครัวซึ่งเป็นเสมือนกำลังใจที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งเหล่านี้จะช่วยให้ทีม เอจีซี วีนิไทย มีความแข็งแกร่งและเดินหน้าไปด้วยกันอย่างยั่งยืนต่อไป
“นับตั้งแต่ปี 2566 จนถึงปัจจุบัน เอจีซี วีนิไทย ได้จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ ณ คุ้งบางกะเจ้าแห่งนี้กินพื้นที่ทั้งหมด 6.5 ไร่ รวมจำนวนต้นไม้ทั้งสิ้น 1,900 ต้น โดยมีอัตราการรอดอยู่ที่ 97% เนื่องจากทั้งหมดล้วนเป็นไม้พื้นถิ่นและได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ศูนย์จัดการพื้นที่สีเขียวเชิงนิเวศนครเขื่อนขันธ์ กรมป่าไม้ ทำให้ต้นไม้เหล่านี้สามารถยังประโยชน์แก่ชาวชุมชนบางกะเจ้าอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร, ยาสมุนไพรรักษาโรค, รวมถึงใช้ซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย เป็นต้น ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมา กิจกรรมปลูกต้นไม้ที่คุ้งบางกะเจ้านี้ ได้รับความสนใจจากพนักงานและครอบครัวเป็นอย่างมาก โดยมีจิตอาสาจากทุกโรงงานและสำนักงานกรุงเทพฯ เข้าร่วมกิจกรรมนี้แล้วทั้งสิ้น 490 คน” นายวรเทพ เลิศวิญญู รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสกล่าวรายงานในพิธีเปิดฯ
“เอจีซี วีนิไทยเชื่อว่ากิจกรรมปลูกต้นไม้จะช่วยเสริมสร้างแนวคิดเรื่องความยั่งยืนให้แก่พนักงานทุกคน เพื่อให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กับการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการช่วยเหลือสังคม ซึ่งแนวคิดเรื่องความยั่งยืนนั้น เป็นหนึ่งใน 12 พฤติกรรมที่บริษัทฯ คาดหวังต่อพนักงานทุกคนภายใต้ค่านิยมใหม่ของเราที่เรียกว่า PLUS ซึ่งได้เปิดตัวไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น การมีส่วนร่วมของพนักงานทุกคนในวันนี้ จะช่วยฉายให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอวีทีต่อการปกป้องสิ่งแวดล้อม ในฐานะพลเมืองบรรษัทที่ดีอีกด้วย” นายโทโมทากะ โยชิคาวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าว
“กรมป่าไม้มีโครงการพัฒนาและปรับปรุงพื้นที่บริเวณคุ้งบางกะเจ้าแห่งนี้ ซึ่งปัจจุบันพันธุ์ไม้ส่วนใหญ่เป็นไม้เลื้อย เถาวัลย์ หรือปอทะเล พืชเหล่านี้ดูดซับคาร์บอนได้ไม่ดี จึงจะเปลี่ยนมาปลูก “ไม้ยืนต้น” ที่มีลำต้นแข็งแรง ทนทานต่อน้ำเค็ม มีประสิทธิภาพการดูดซับคาร์บอน และสร้างประโยชน์ให้ชาวบ้านในพื้นที่ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตจากต้นไม้เหล่านี้ได้อีกด้วย” นายณัฐสรณ์ ไพโรจน์ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ศูนย์จัดการพื้นที่สีเขียวเชิงนิเวศนครเขื่อนขันธ์ กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องปรับปรุงพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมเดิม เพื่อปลูกต้นไม้ใหม่ในวันนี้



คุ้งบางกะเจ้าแห่งนี้ ไม่ใช่แค่เพียงพื้นที่สีเขียวใกล้กรุงเทพฯ แต่เป็นมรดกอันล้ำค่าที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงให้ความสำคัญและมีพระราชประสงค์ให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันอนุรักษ์ฟื้นฟูด้วยพระราชดำริอันกว้างไกล ด้วยทรงเห็นถึงคุณค่าของพื้นที่แห่งนี้ และทรงต้องการให้คุ้งบางกะเจ้าคงอยู่เป็น “ปอดของคนเมือง” สืบไป